มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ร่วมนำเสนอผลงานวิจัยในการสัมมนาระดับชาติ “สู้ชนะจน” ครั้งที่ 2
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 รศ.วิไลลักษณ์ พรมเสน รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและวิชาการต่างประเทศ พร้อมด้วย ผศ.ดร.ณรงค์ คชภักดี รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา ผศ.นราธิป วงษ์ปัน รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ อ.ดร.เยาวเรศ ชูศิริ รองคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ อ.ดร.ชุตินิษฐ์ ปานคำ ประธานสาขาวิชานิเทศศาสตร์ ผศ.ดร.วิศท์ เศรษฐกร อาจารย์สังกัดสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ผศ.กาญจนา รัตนธีรวิเชียร อาจารย์สังกัดสาขาวิชาการจัดการธุรกิจดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ ผศ.ดร.เอกสิทธิ์ ไชยปิน อาจารย์สังกัดสาขาวิชาสาธารณสุขชุมชน คณะวิทยาศาสตร์ ผศ.ดร.ณัฐฌา เหล่ากุลดิลก อาจารย์สังกัดสาขาวิชานวัตกรรมและธุรกิจการอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร และนางสาววิไลรัตน์ วันกมลสวัสดิ์ นักวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนา เข้าร่วมการสัมมนา “สู้ชนะจน” ครั้งที่ 2 ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “พลังปัญญาชนะจน พ้นหนี้ เพิ่มรายได้ : บนฐานบูรณาการข้อมูล เทคโนโลยี ภาคี ความสัมพันธ์” ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอทเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพ ฯ ได้รับเกียรติจาก ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วย บพท. เป็นประธานเปิดการสัมมนา
ในการประชุมครั้งนี้ จัดโดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางได้นำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมด้าน สารปรับปรุงดิน ภายใต้โครงการแก้ปัญหาความยากจนจังหวัดลำปาง โดยมีการจัดแสดงบูธนำเสนอองค์ความรู้เชิงปฏิบัติ และ ผศ.ดร.ณรงค์ คชภักดี ได้รับเชิญร่วมเสวนาในหัวข้อ “บูรณาการเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม พลังงาน ด้วยสารนวัตกรรมทางการเกษตร” เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์เชิงวิชาการในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานราก และการยกระดับชุมชนต้นแบบให้ก้าวข้ามความยากจนอย่างยั่งยืน
การมีส่วนร่วมของมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางในครั้งนี้ แสดงถึงศักยภาพของงานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์เชิงประจักษ์ ทั้งในการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจฐานราก การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน และการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของมหาวิทยาลัยในการเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาท้องถิ่นด้วยวิชาการที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ได้มีผู้แทนจากภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อเสนอเชิงนโยบายในการแก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ โดยมีการนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรมกว่า 20 จังหวัด เพื่อขับเคลื่อนสู่การพัฒนาระดับพื้นที่และผลักดันเป็นวาระแห่งชาติต่อไป